Opal The Voice Pride

โอปอล์ พัชรพล อติเปรมานนท์ ผู้เข้าแข่งขัน “The Voice Pride” ที่ถูกพูดถึงมากหลังเสียงจริงจาก Blind Auditions  นี่คือประเด็นที่โดดเด่น:

️ ทำไมโอปอล์ถึงได้รับกระแสแรง?

1. โชว์เพลง “มีไหมใครสักคน” – อินทุกถ้อยคำ
โอปอล์ถ่ายทอดทุกคําของเพลงอย่างกินใจ จนแฟน ๆ พากันซึ้งและแชร์คลิปไปทั่ว เมื่อเข้ารอบ Blind Auditions มีผู้ชมกว่า 222K วิวใน 1 วัน พร้อมกับคอมเมนต์ว่า “ถ่ายทอดผ่านเสียงร้องได้อย่างกินใจทุกคำที่เปล่งออกมา”

2. อินเนอร์ลึกซึ้งจนดึงน้ำตาคนดู
นักร้องวัย 50 ปี เคยเป็นข้าราชการทหาร ก่อนมาขายเสียงเพื่อเติมเต็มความภูมิใจให้พ่อ–แม่ที่อายุ 80 ปี และผู้เป็นแม่ติดเตียงมา 20 ปี เรื่องราวชีวิตนี้ยิ่งทำให้การแสดงของเขามี “ความหมาย” และแรงสะเทือนทางอารมณ์ที่จับใจผู้ชม

3. โค้ชพร้อมใจกดเก้าอี้อย่างดุเดือด
โค้ชแอมเป็นคนแรกที่กดเปิดเก้าอี้ ตามมาด้วยโค้ชธามไทอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเปิดศึกช่วงชิงลูกทีมกันเต็มที่

---

 กระแสโซเชียลรอบทีมโอปอล์

คลิปโชว์การแสดงของโอปอล์ถูกแชร์อย่างรวดเร็ว บน YouTube, TikTok และ Facebook

บทบาทของเขาในฐานะ LGBTQIAN+ ผู้ที่ผันตัวจากอาชีพข้าราชการมาสร้างความภาคภูมิใจให้ครอบครัวตรงกับธีม “Voice Pride” ทำให้ได้รับแรงสนับสนุนอย่างกว้างขวาง

จากข้อมูลภายใน 6 วันที่ผ่านมา การแสดงของ โอปอล์ พัชรพล อติเปรมานนท์ ในเพลง "มีไหมใครสักคน" รอบ Blind Auditions ของรายการ The Voice Pride ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 มียอดวิวสูงถึง 310,000 ครั้ง บน YouTube ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568

สำหรับกระแสโซเชียลนั้น การแสดงของโอปอล์ได้รับความสนใจและการพูดถึงอย่างมาก เขาเป็นหนึ่งในสองผู้เข้าแข่งขันที่ถูกพูดถึงมากที่สุดจากตอนแรกของ The Voice Pride โดยมีคอมเมนต์ชื่นชมอย่างอบอุ่น เช่น "เสียงที่ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ", "โอปอล์คือความหวังของคนที่ยังกล้าฝัน" และ "ร้องจากหัวใจจริง ๆ ถึงใจคนฟังทุกคำ" การถ่ายทอดอารมณ์เพลงที่กินใจและเรื่องราวชีวิตส่วนตัวที่สร้างแรงบันดาลใจ ทำให้เขาสร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งและได้รับยอดเข้าชมสูงเป็นอันดับต้นๆ บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

คุณสามารถดูคลิปการแสดงและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:

  • โอปอล์ - มีไหมใครสักคน - Blind Auditions - The Voice Pride - YouTube
  • The Voice Pride 2025 เปิดฉากสุดปัง ดัน LGBTQIAN+ โชว์พลังเสียงเต็มขั้น - Sanook.com
  • เปิดเวทีแล้วจ้า! The Voice Pride ตอนแรก สองชื่อที่ขโมยหัวใจคนด... - TikTok 

    โอปอล์ พัชรพล อติเปรมานนท์ มีเพลงที่ถูกพูดถึงและปรากฏในรูปแบบวิดีโอสั้น (Shorts) 2 เพลงหลักๆ คือ:

    1. เพลง "มีไหมใครสักคน" (Blind Auditions): สำหรับเพลงนี้ แม้จะไม่มีวิดีโอ "Short" อย่างเป็นทางการที่แยกออกมาต่างหากจากคลิป Blind Audition เต็มๆ ที่มียอดวิวสูงถึง ประมาณ 310,000 - 315,000 วิว (ข้อมูล ณ 5-6 วันที่ผ่านมา) แต่กระแสบนโซเชียลมีเดียมีการพูดถึงอย่างท่วมท้น โดยเฉพาะบน TikTok ที่มีคลิป Reaction และการนำเสนอซ้ำในรูปแบบสั้นๆ "ทะลัก" มากมาย ซึ่งแสดงถึงยอดการเข้าชมและเผยแพร่ในรูปแบบวิดีโอสั้นๆ อย่างกว้างขวาง

    2. เพลง "ครึ่งหนึ่งของชีวิต" (ร้องคู่โค้ชแอม เสาวลักษณ์): เพลงนี้มีวิดีโอ YouTube Short อย่างเป็นทางการจากช่อง The Voice Thailand ที่มียอดวิวสูงถึง 630,000 วิว (ข้อมูล ณ 2-3 วันที่ผ่านมา) แสดงให้เห็นถึงกระแสตอบรับที่ดีมากสำหรับเพลงนี้ในรูปแบบวิดีโอสั้น

    สรุป:

    • เพลง "มีไหมใครสักคน": ยอดวิวจากคลิป Blind Audition หลัก ประมาณ 310,000 - 315,000 ครั้ง (รวมการรับชมที่เกิดจากคลิปสั้น/reaction ที่แพร่หลาย)
    • เพลง "ครึ่งหนึ่งของชีวิต": ยอดวิวในรูปแบบ YouTube Short 630,000 ครั้ง ในเฟสบุ้ค 984,000 ครั้ง

---

สรุปภาพรวม

เสียงและเรื่องราวจริง: โอปอล์ถ่ายทอดความหมายลึกซึ้งในเพลง ทั้งเรื่องเสียงร้องและชีวิตที่สะท้อนความเข้มแข็ง

อินเนอร์กระแทกอารมณ์: จนทั้งโค้ชและผู้ชมถึงกับน้ำตาซึม

เรื่องราวครอบครัว: เป็นแรงผลักชัดเจน ที่ช่วยให้เขาสะกดใจคนดู

โอปอล์ พัชรพล – เสียงจริงจากหัวใจ ❤️
50 ปี ที่ชีวิตผ่านมาหลายบทบาท ทั้งข้าราชการ ทหาร ลูกชาย และ "นักร้องในฝัน"

แต่วันนี้… เขาได้ขึ้นเวทีเพื่อร้องให้ “แม่ที่นอนติดเตียง 20 ปี” ได้ฟัง
เสียงของลูก…ที่ยังอยากให้แม่ภูมิใจ 

เพลงในรอบ Blind Audition

เพลง “มีไหมใครสักคน” กลายเป็นมากกว่าเพลงแต่มันคือคำบอกเล่าทั้งชีวิต ที่ทำให้คนดูทั้งประเทศ… นิ่งเงียบ แล้วน้ำตาไหลพร้อมกัน 

การตีความเพลงที่ “อิน” แบบไม่ปรุงแต่ง เสียงร้องของโอปอล์มีความคล้าย “เบิร์ด ธงไชย” ผสมกับความลึกและอารมณ์แบบศิลปินยุค 90’s ที่หลายคนคุ้นเคย เพลงนี้เดิมเป็นเพลงประกอบละครช่อง 7 โดย เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ซึ่งมีเนื้อหาที่เศร้า ลึกซึ้ง พูดถึงความโดดเดี่ยวและความหวังว่าคงจะมี “ใครสักคน” ที่รักจริง


เพลง "ครึ่งหนึ่งของชีวิต" ร้องคู่กับโค้ชแอม และโมเมนต์นี้กลายเป็น “ตำนานความซึ้ง” แห่ง The Voice Pride เสียงสองคนประสานกันเหมือนแม่ลูกที่เข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดคือการยืนยันว่า “ทีมแอม” = ทีมที่เข้าใจทั้งเสียงและหัวใจอย่างแท้จริง!


น้ำตา... ไหลก่อนเสียงจบ” เมื่อ โค้ชแอม เสาวลักษณ์ ขึ้นเวทีร้องเพลง “ครึ่งหนึ่งของชีวิต” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ลึกซึ้ง กินใจ... จน โอปอล์ กลั้นไม่อยู่ > “มันไม่ใช่แค่เพลง... มันคือความทรงจำ ที่เคยเจ็บ คือชีวิตที่เคยมีใครบางคน แล้ววันนี้... ไม่มีอีกแล้ว” นี่ไม่ใช่แค่การร้องเพลง แต่คือการ “เล่าเรื่อง” ของใครหลายคน... ที่เคยเสีย “ครึ่งหนึ่งของชีวิต” ให้ใครสักคนไป

ธรรมชาติ ไข่มุก และ โอปอล์ ทีม #AMP (แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร)
สำหรับ 3 คนสุดจี๊ดจากทีมโค้ชแอมใน The Voice Thailand: Pride 2025 EP1 

โอปอล์ พัชรพล อติเปรมานนท์ – ผู้เข้าแข่งขันวัย 50 ปี อดีตข้าราชการทหาร ที่เลือกเพลง "มีไหมใครสักคน" และสร้างโมเมนต์ประทับใจโดดเด่นทั้งอารมณ์และน้ำเสียง

ธรรมชาติ โยธาจุล – นักแสดง Drag Performer ที่เลือกเพลง “Bad Romance” ร้องพลังแรงจนเวทีสะเทือน

ไข่มุก เจนจิรา ศิริรักษ์ – นักร้องเสียงทุ้มที่เลือกเพลง “Just Once” มีโมเมนต์การ Come Out บนเวทีครั้งแรก ต่อไปนี้คือบทความเวอร์ชั่น LGBTQ+ ที่ทั้งปัง ทั้งแซ่บ ทั้งซึ้งแบบไม่กลัวยืนหนึ่ง!



ใครสายร็อก ใครสายรัก ใครสายร้องแล้วน้ำตาไหล — มาอ่านแล้วเลือกคนในดวงใจของเธอกันเลย!

1. ธรรมชาติ – ร้องที โลกสะเทือน! เพลงที่ใช้: Bad Romance – Lady Gaga (เวอร์ชัน Rock/Metal) ลูกกกกก!!! ใครจะกล้าหยิบ Gaga เวอร์ชันแดนซ์ มาแปลงเป็นเวอร์ชันเมทัลใส่ไฟใส่เหล็กใส่พลังกันแบบนี้!? นอกจาก “ธรรมชาติ” คนนี้คนเดียว! แม่เล่นเปิดเวทีมาแล้วตะโกน Bad Romance ด้วยพลังเสียงสะเทือนเวที พร้อมลีลาแบบร็อกเกอร์ตัวจริง โค้ชทั้ง หันทันทีแบบไม่ต้องคิด คอมเมนต์จากทวิตเตอร์: “เสียงแม่คือพายุ! แหกทุกกฎของ Blind!” “นี่มัน Pride หรือเทศกาล Rock in Rio!?” เหตุผลที่ควรเทใจให้ธรรมชาติ: กล้า! แปลก! แต่ไปสุดในทาง คนนี้ถ้าร้องเพลงไทยลูกทุ่งแนวเธียเตอร์คือ เละ! แน่นอน (ในทางที่ดีจ้า) ---

2. ไข่มุก – Diva แม่พระแห่งเวทีนี้ เพลงที่ใช้: Just Once – James Ingram ถ้าโลกนี้มี “เสียงที่ปลอบใจเราได้ในคืนใจร้าว” เสียงนั้นคือของ ไข่มุก คนนี้เลยลูก! เพลง “Just Once” ที่แม่เลือก ไม่ใช่แค่ร้อง แต่คือ เล่าเรื่องราวของชีวิต ผ่านเสียงทุ้มอุ่นที่ฟังแล้วเหมือนมีคนมากอดเราเบา ๆ ตอนใจเหนื่อย คอมเมนต์จาก TikTok: “แม่ไม่ได้ร้องเพลง แม่สะกดเวลาให้หยุด!” “เสียงคือ soft power ระดับผ้าห่มไฟฟ้าในหน้าหนาว” เหตุผลที่ควรปักป้ายแฟนคลับไข่มุก: ร้องดีแบบมืออาชีพ แต่ยังไม่ทิ้งความรู้สึก ลุคคุณหญิง แต่ร้องแล้วบาดลึก เหมือนแผลใจ! ---

3. โอปอล์ – คนร้องที่ไม่ได้แค่อยู่บนเวที... แต่ อยู่ในหัวใจ Blind Audition: มีไหมใครสักคน รอบต่อมา (คู่โค้ชแอม): ครึ่งหนึ่งของชีวิต โอ๊ยยย แม่... คนนี้คือ “ฆ่าทุกคนด้วยความจริงใจ” ไม่ต้องเทคนิคจัด ไม่ต้องโชว์ลูกเล่นเยอะ แต่เพลงที่ร้องคือยิงเข้าเส้นเลือดทุกประโยค “มีไหมใครสักคน” ที่เธอเลือกตอน Blind คือเพลงที่พูดแทนชีวิตใครหลายคนได้เลย แล้วซีนที่ร้องคู่โค้ชแอมใน “ครึ่งหนึ่งของชีวิต” นั้น... คือตำนานไปแล้วจ้า! ทั้งอิน ทั้งร้องไห้ ทั้งสั่น... คอมเมนต์จาก Facebook: “เหมือนเห็นตัวเองในเพลงนี้ ขอบคุณโอปอล์ที่ร้องแทนใจเรา” “ซีนที่ร้องคู่กับโค้ชคือน้ำตารินแบบไม่ได้ตั้งใจ…” เหตุผลที่ควรเทใจให้โอปอล์: สื่อสารได้ลึก ไม่ต้องพูดเยอะ ความรู้สึกของเธอเป็นเหมือนตัวแทนของใครหลายคนใน LGBTQ+ ที่เคย “ไม่มีใคร”

สรุปสุดท้ายจากแม่หมอเวทีนี้ ถ้า The Voice Pride คือเวทีของ “ความจริงในเสียง” สามคนนี้คือสามสไตล์ที่คนดูต้องจับตา!
ธรรมชาติ = ปลุกพลังในตัวเอง
ไข่มุก = โอบกอดหัวใจที่อ่อนล้า
โอปอล์ = ร้องแทนคำที่เราไม่กล้าพูด
✨ แล้วเธอล่ะ... อยู่ทีมใคร? ✨ บอกในใจไว้ แล้วรอดูรอบต่อไปให้ดี เพราะแม่ว่า “ซีซั่นนี้ไม่มีคำว่าเดาได้!”

#TheVoicePride2025 #TeamCoachAmp #ธรรมชาติสายร็อก #ไข่มุกDiva #โอปอล์คนจริงใจ #LGBTQMusic #PrideThailand #เสียงแห่งความจริง #เพลงที่มีพลัง #ร้องจากใจ #PrideVoice #LoveIsLove #เสียงที่แทนใจ #เพลงบำบัดใจ #PridePower #PrideVibes #TheVoiceThailand #เพลงLGBTQ #ร้องให้โลกรู้ #ซึ้งกินใจ #เพลงพลังใจ #สายร้องสายรัก #ความจริงในเสียง

ศึกแห่งศักดิ์ศรี โอปอล์ ปะทะ ไข่มุก ในเพลง “Big Spender” – รอบ Battle ที่เดือดที่สุดใน The Voice Pride

รอบ Battle ครั้งนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วเวที เมื่อ โอปอล์ พัชรพล และ ไข่มุก เจนจิรา โคจรมาพบกันในเพลง “Big Spender” การดวลที่ไม่ได้วัดกันแค่เทคนิคเสียง แต่คือการฟาดกันด้วยพลัง เสน่ห์ และตัวตนแบบไม่มีใครยอมใคร

เมื่อสองตัวแม่เผชิญหน้า

โอปอล์ ระเบิดพลังเสียงมั่นใจ ดุดัน และเต็มไปด้วยคาริสม่า

ไข่มุก สวนกลับอย่างสง่างาม เสียงหวานแต่แฝงพิษ สะกดสายตาคนดูทุกวินาที

โชว์นี้ผลัก “Big Spender” ให้กลายเป็นการแสดงที่ประกาศถึงความกล้า ยืนหยัด และความภาคภูมิใจในตัวตนของศิลปินทั้งคู่

รอบนี้มีมากกว่าเสียงเพลง

ศึกนี้คือการเฉลิมฉลอง Pride ในแบบที่ชัดเจนที่สุด เสียงร้องถูกใช้เป็นสื่อกลางบอกโลกว่า “นี่แหละฉัน และฉันไม่ขอโทษใคร” ทั้งคู่ยืนหยัดบนเวทีเพื่อยืนยันสิทธิ์ในการเป็นตัวเองอย่างภาคภูมิ

ผู้ที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป

โอปอล์ พัชรพล ได้รับเลือกให้ก้าวต่อในรายการ ด้วยพลังเสียงที่หนักแน่นและความมั่นใจที่เปล่งประกายบนเวที
แม้ ไข่มุก เจนจิรา จะไม่ได้ไปต่อ แต่เธอฝากโชว์ระดับคุณภาพ จนคนดูต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า ศึกนี้ไม่มีผู้แพ้ มีเพียงผู้ที่เปล่งประกาย

ชมการแสดงเต็ม ๆ ได้ที่: https://youtu.be/_LIim1Dmjjs?si=YDfOqv53rkRB3HMv

ศึกแห่งศักดิ์ศรี: "โอปอล์" เฉือนชนะ "ไข่มุก" ในรอบ Battle สุดเดือดของ The Voice Pride ด้วยเพลง "Big Spender"

กรุงเทพมหานคร – เวที The Voice Pride ลุกเป็นไฟกับการแข่งขันในรอบ Battle ที่ได้รับการกล่าวขานว่าดุเดือดและน่าจดจำที่สุดครั้งหนึ่ง เมื่อสองดีว่าตัวแม่ โอปอล์ พัชรพล อติเปรมานนท์ และ ไข่มุก เจนจิรา ศิริรักษ์ โคจรมาพบกันในบทเพลงสุดคลาสสิก “Big Spender” สร้างปรากฏการณ์การปะทะกันของพลังเสียง เสน่ห์ และการแสดงออกถึงตัวตนที่ภาคภูมิใจอย่างไม่มีใครยอมใคร

การดวลเพลงในครั้งนี้เป็นมากกว่าการแข่งขันเพื่อเข้ารอบต่อไป แต่คือการประกาศศักดาและเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศผ่านเสียงเพลงอย่างทรงพลัง โอปอล์, อดีตข้าราชการที่ผันตัวเองมาเป็นศิลปินเต็มตัว, ได้ระเบิดพลังเสียงที่ดุดัน เต็มไปด้วยความมั่นใจ และคาริสม่าที่สะกดทุกสายตาบนเวที เธอถ่ายทอดบทเพลงด้วยอินเนอร์ของความเป็นตัวแม่ที่ทั้งแข็งแกร่งและเย้ายวนใจ

ในขณะที่ไข่มุก, ศิลปินสาวเสียงหวานผู้ซึ่งได้ใช้เวที The Voice Pride เป็นพื้นที่ในการ "Come Out" เปิดเผยตัวตนของเธออย่างกล้าหาญ, ก็ได้ตอบโต้ด้วยการแสดงที่สง่างามไม่แพ้กัน เธอใช้เสียงร้องที่หวานใสแต่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่งและพิษสงเล็กๆ สร้างมิติให้กับการแสดงที่น่าติดตามทุกวินาที

โชว์ “Big Spender” ในเวอร์ชันของโอปอล์และไข่มุกได้ผลักดันให้บทเพลงนี้กลายเป็นการแสดงที่ประกาศถึงความกล้าหาญ การยืนหยัด และความภาคภูมิใจในตัวตนของศิลปินทั้งสองอย่างชัดเจน ศึกครั้งนี้จึงไม่ได้วัดกันที่เทคนิคการร้องเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเฉลิมฉลอง Pride ในรูปแบบที่ทรงพลังที่สุด โดยใช้เสียงร้องเป็นสื่อกลางในการบอกเล่าเรื่องราวและประกาศก้องว่า "นี่คือตัวตนของฉัน"

ท้ายที่สุด แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากสำหรับโค้ช แต่ โอปอล์ พัชรพล ก็เป็นผู้ที่ได้รับการเลือกให้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ด้วยพลังเสียงที่หนักแน่นและความมั่นใจที่เปล่งประกายอย่างโดดเด่น อย่างไรก็ตาม ชัยชนะครั้งนี้ไม่ได้ลดทอนคุณค่าการแสดงของไข่มุกแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เธอกลับฝากการแสดงระดับคุณภาพที่ชนะใจคนดูทั่วประเทศ จนหลายเสียงต่างกล่าวว่า "ศึกนี้ไม่มีผู้แพ้ มีแต่ผู้ที่เปล่งประกาย"

การแสดงอันน่าทึ่งของทั้งคู่ได้กลายเป็นไวรัลและถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง เป็นเครื่องยืนยันว่า The Voice Pride ไม่ใช่เพียงแค่รายการประกวดร้องเพลง แต่เป็นพื้นที่สำคัญสำหรับศิลปิน LGBTQIA+ ในการแสดงความสามารถและตัวตนอย่างภาคภูมิใจ

#โอปอล์พัชรพล #ไข่มุกเจนจิรา #TheVoicePride #BigSpenderBattle #เสียงนี้ไม่ขอโทษใคร #LGBTQVoice

✨ บทวิจารณ์ "คือหัตถาครองพิภพ" โดย โอปอล์ พัชรพล รอบตัดเชือก (Semi-Final)

 

"นี่ไม่ใช่การร้องเพลงธรรมดา... แต่คือการใช้ทั้งชีวิตเล่าเรื่องผ่านเสียงดนตรี"

การแสดงนี้คือ Masterclass ด้าน “การเล่าเรื่องผ่านเสียง” ที่หรูหราแต่จริงใจ
โอปอล์ไม่ได้แค่ร้องเพลง — เธอ "ดำรงอยู่" ในเพลงนั้น ด้วยเสียงที่ต่ำแต่มั่นคง (Contralto) เธอถ่ายทอดบทเพลงคลาสสิกนี้ให้กลายเป็นชีวิตจริงที่จับต้องได้

จุดเด่นที่สุด

การตีความ: เธอไม่ได้เพียงยกย่อง "ความเป็นแม่" แบบอุดมคติ แต่เผยชีวิตของผู้หญิงธรรมดาที่ผ่านความเจ็บปวดมาด้วยรักอันยิ่งใหญ่

เสียง: ไม่หวาน ไม่เลี่ยน แต่หนักแน่นจริงใจ เสียงของ "ผืนดินที่แม่คือราก"

อารมณ์: มีสะอื้นในเสียงช่วงท้าย — ไม่ใช่เพี้ยน แต่ “จริง” อย่างที่สุด

ไดนามิก: เริ่มเบา แล้วค่อยไต่ระดับขึ้นอย่างมีจังหวะจนไปถึงจุดพีค

การออกเสียง: คำชัด เปล่งครบ ทำให้บทกวีในเพลงนี้ทรงพลังไม่ตกหล่น

ข้อสังเกต:
มีบางช่วงที่เทคนิคอาจไม่เป๊ะ 100% เพราะเน้นอารมณ์นำ แต่กลับกลายเป็นเสน่ห์อันล้ำค่า เพราะ “นี่ไม่ใช่เวทีเทคนิค แต่มันคือเวทีของจิตวิญญาณ”

สรุป:
โอปอล์ไม่ได้แค่ร้อง “คือหัตถาครองพิภพ”
แต่เธอ เป็น เพลงนี้จริงๆ
เสียงของผู้หญิงที่ใช้ทั้งชีวิตเป็นเดิมพันในทุกถ้อยคำ

และนั่นคือเหตุผลที่... เธอสร้างโลกทั้งใบได้ภายในไม่กี่นาที..

สำหรับเพลง "ความรักทั้ง 7" ถือเป็นอีกหนึ่งโชว์ที่ตอกย้ำกระแสความแรงของโอปอล์ และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่รอบด้านบนเวที The Voice Pride

โดยโชว์ดังกล่าวเกิดขึ้นในรอบชิงชนะเลิศ (Live Show) เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นการแสดงสุดพิเศษในรูปแบบ "โชว์ทีม" ของโค้ชแอม เสาวลักษณ์ ที่โอปอล์ได้ร่วมพลังกับเพื่อนๆ ในทีมอีก 10 ชีวิต สร้างสรรค์การแสดงที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำ

แม้จะเป็นการแสดงกลุ่ม แต่โอปอล์ยังคงฉายแววโดดเด่นและได้รับคำชมอย่างหนาหูในโลกโซเชียล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท่อนโซโล่ของตัวเองที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เสียงและวิธีการถ่ายทอดของโอปอล์นั้นมีความคล้ายคลึงกับศิลปินต้นฉบับอย่าง "ใหม่ เจริญปุระ" เป็นอย่างมาก จนเกิดเป็นไวรัลใน TikTok ที่มีการตัดคลิปเฉพาะส่วนของโอปอล์ พร้อมชื่นชมว่า "เสียงเหมือนจนขนลุก" และ "เป๊ะทุกโน้ต"

โชว์ "ความรักทั้ง 7" ในเวอร์ชันของทีมโค้ชแอมจึงไม่ได้เป็นเพียงการแสดงปิดท้ายการแข่งขันที่สวยงาม แต่ยังเป็นอีกหนึ่งเวทีที่พิสูจน์ให้เห็นถึงมาตรฐานและคุณภาพของโอปอล์ ที่สามารถสร้างความประทับใจได้ในทุกบทบาท ไม่ว่าจะเป็นการแสดงเดี่ยวที่เน้นการสื่อสารอารมณ์อย่างลึกซึ้ง หรือการแสดงกลุ่มที่ต้องผสมผสานอย่างลงตัว แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตนเองไว้ได้อย่างชัดเจน

Visitors: 367,101